“ตรวจพบ #HPV แล้วอย่าตกใจ!” รู้ก่อน = ควบคุมได้ รู้ช้า = เสี่ยงเปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูก เพราะยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสจัดการได้ทัน และคุณไม่ต้องเผชิญมันคนเดียว |
##เชื้อ HPV ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์## และแม้แต่การใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% ##ความจริงที่ต้องรู้## คนส่วนใหญ่จะเคยติดเชื้อ HPV ในช่วงชีวิต และร่างกายที่แข็งแรงสามารถกำจัดเชื้อส่วนใหญ่ออกไปได้เองตามธรรมชาติภายใน 1–2 ปี ดังนั้น การตรวจพบเชื้อจึงไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเป็นมะเร็งเสมอไป |
แนวทางการป้องกัน HPV ที่ได้ผล (Prevention)การป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมีสองแนวทางหลัก คือ ✅การฉีดวัคซีน HPV: เป็นการป้องกันหลักเพื่อป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง (เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18)ควรฉีดตั้งแต่อายุยังน้อย (9–15 ปี) หรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะได้ผลดีที่สุด แต่ผู้ใหญ่วัยอื่นก็ยังสามารถฉีดได้เพื่อป้องกันสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยติดเชื้อ
การตรวจ Pap Smear หรือ HPV DNA Test เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม การตรวจคัดกรองช่วยให้พบเซลล์ผิดปกติในระยะเริ่มแรก หรือพบเชื้อ HPV ความเสี่ยงสูงได้ทันท่วงที ทำให้แพทย์สามารถติดตามและรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นมะเร็ง |
การดูแลตัวเองเพื่อกำจัดเชื้อหลังติดเชื้อ (Self-Care/Management)เมื่อตรวจพบเชื้อ HPV แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ #เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะกำจัดเชื้อไวรัสออกไปเอง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียารักษาเชื้อ HPV โดยตรง
- เซลล์ที่ผิดปกติมีระดับความรุนแรงต่างกัน, ตั้งแต่ CIN 1 ซึ่งอาจแค่ติดตาม, ไปจนถึง CIN 2 และ CIN 3 ที่อาจต้องจี้ไฟฟ้าหรือผ่าตัด - หากเป็นมะเร็งระยะที่ 1, จะเข้าสู่กระบวนการรักษาแบบมะเร็ง เช่น ผ่าตัดและรังสีรักษา - การจี้ไฟฟ้าหรือผ่าตัดเป็นการรักษาเซลล์ที่ผิดปกติ, แต่เชื้อเอชพีวียังคงอยู่ในร่างกาย, ดังนั้นการเสริมภูมิคุ้มกันจึงสำคัญ |